แคทรีน: ซินเดอเรลล่ารัสเซียแห่งสยามประเทศ

Last updated: 6 ก.พ. 2562  |  865 จำนวนผู้เข้าชม  | 

แคทรีน: ซินเดอเรลล่ารัสเซียแห่งสยามประเทศ

แคทรีน: ซินเดอเรลล่ารัสเซียแห่งสยา มประเทศ

ก่อนที่เพื่อนๆ แฟนเพจจะอ่านเรื่องราวต่อไป นี้ แอดขอบอกว่าเรื่องราวทั้งหม ดนี้ถูกเขียนขึ้นโดยชาวรัสเ ซีย เป็นเรื่องราวในมุมมองของชา วรัสเซียโดยแท้ หลังจากที่ได้อ่านก็รู้สึกว ่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และอยากนำเสนอให้กับแฟนเพจท ี่ไม่สามารถอ่านต้นฉบับที่เ ป็นภาษารัสเซียได้ แอดขออนุญาตถอดความเป็นภาษา ไทยแบบสรุป และต้องขอกราบขออภัยล่วงหน้ าหากในเรื่องราวที่แปลนี้มี การใช้คำราชาศัพท์ผิดพลาดอย่างไ ร แอดขอน้อมรับทุกคำติชมด้วยจ ิตคารวะ......
-------------------------- ------
เรื่องราวความรักระหว่างหญิ งสาวที่ชื่อเยคาเทรีน่า เดสนิซกายา (แคทรีน) และเจ้าฟ้าชายชาวสยามจักรพง ษ์ เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่น่า สนใจเรื่องหนึ่งในศตวรรษที่  20 เพื่อเข้าใจความเป็นมาของกา รพบกันของเจ้าชายชาวสยามและ หญิงสาวชาวรัสเซียคงต้องเล่ าความเป็นมาทางประวัติศาสตร ์ซักเล็กน้อย

ประเทศไทยหรือสยามในช่วง ค.ศ 19 ถือเป็นประเทศหนึ่งเดียวที่ ยังคงรักษาเอกราชจากการคุกค ามของการล่าอาณานิคมเอาไว้ไ ด้ ซึ่งผู้ที่ทำให้สยามประเทศร อดพ้นจากการล่าอาณานิคมก็สื บเนื่องมาจากพระปรีชาสามารถ ของเจ้าฟ้ามงกุฎ(รัชกาลที่ 4) และเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ (รัชกาลที่ 5) ทั้งสองพระองค์มีบทบาทที่สำ คัญที่ทำให้ไทยไม่ตกเป็นเมื องขึ้นด้วยการเจริญสัมพันธไ มตรีกับชาติยุโรปซึ่งหนึ่งใ นนั้นก็คือประเทศรัสเซีย โดยรัสเซียขณะนั้นภายใต้การ ปกครองของพระเจ้าซาร์อเล็กซ านเดอร์ที่ 3 และ ซาร์นิโคลัสที่2 ได้ให้การช่วยเหลือและสนับส นุนการเป็นเอกราชของสยามอย่ างเปิดเผย

พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ซึ่งเป็นซาร์องค์สุดท้ายของ รัสเซียได้เดินทางเยือนสยาม ในปี 1897 และได้รับการต้อนรับอย่างอบ อุ่น และการเยือนครั้งนั้นทำให้ค วามสัมพันธ์ของทั้งสองประเท ศแน่นแฟ้นกว่าเดิม และเพื่อให้ความสัมพันธ์ของ กษัตริย์ทั้งสองประเทศแนบแน ่นยิ่งขึ้นไปอีก เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ในขณะนั้น จึงได้ขอให้พระเจ้าซาร์นิโค ลัสที่ 2 รับเอาหนึ่งในพระโอรสของพระ องค์ไปอยู่ที่วัง ซึ่งผู้ที่ถูกเลือกก็คือเจ้ าฟ้าจักรพงษ์ ซึ่งเป็นพระโอรสในสมเด็จพระ ศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระพันปีหลวง
ในเรื่องนี้นั้นจะต้องทราบก ่อนว่าในสมัยก่อนนั้นกษัตริ ย์ในราชวงศ์จักรีของไทยยึดถ ือประเพณีที่ปฏิบัติต่อเนื่ องกันมาทุกยุคสมัย รวมถึงในเรื่องของการชายาหล ายพระองค์ การสมรสของกษัตริย์ไทยนั้นน ิยมแต่งงานกันในหมู่เครือญา ติ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์มีพระชายา ที่ได้รับการแต่งตั้งทั้งหม ด 4 พระองค์ และนอกจากนี้ยังมีนางสนมอีก มากมาย โดยทั้งหมดได้ถือกำเนิดพระโ อรสรวมทั้งสิ้น 33 พระองค์ และพระธิดา 44 พระองค์ ซึ่งผู้ที่พระองค์ทรงรักมาก ที่สุดก็คือเจ้าฟ้าจักรพงษ์  แม้ว่าพระองค์ไม่ได้เป็นโอร สคนที่โตที่สุดในหมู่โอรสทั ้งหมดก็ตาม แต่ถึงกระนั้นก็เป็นผู้ที่ไ ด้รับสิทธิในการสืบทอดราชบั ลลังก์ 

เพื่อให้พระองค์ได้รับการศึ กษาที่ดีดังสมดังที่กำเนิดใ นราชวงศ์กษัตริย์ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ได้ถูกส่งไป เรียนยังโรงเรียนประจำที่ปร ะเทศอังกฤษ และเมื่อพระองค์มีพระชนม์ได ้ 13 พรรษา ก็ได้ถูกส่งไปศึกษาที่ประเท ศรัสเซียกับเพื่อนคนหนึ่งที ่ชื่อนายพุ่ม สาคร สมเด็จเจ้าฟ้าชายจักรพงษ์ภู วนารถ หรือ “ทูลกระหม่อมเล็ก” ทรงเข้าศึกษาวิชาการทหารที่ โรงเรียนนายร้อยมหาดเล็กที่ เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

แน่นอนว่าพระเจ้าซาร์นิโคลั สที่2 ก็ไม่ได้มีส่วนอะไรมากนักกั บการเลือกการดำเนินชีวิตในอ นาคตของเจ้าฟ้าหนุ่มตามคำขอ ของพระผู้เป็นบิดา เจ้าฟ้าทรงดำเนินชีวิตอย่าง อิสระ ในปี 1902 เจ้าฟ้าจักรพงษ์ได้สำเร็จกา รศึกษา ทั้งพระองค์ฯ และนายพุ่มได้รับการบรรจุเป ็นนายทหารม้าประจำกรมทหารม้ าฮุสซาร์ของสมเด็จพระเจ้าซา ร์นิโคลัสที่ 2 และได้รับใช้ราชการในเมืองเ ซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยพระองค์ได้ทรงแสดงมีพระป รีชาสามารถในการแสดงต่างๆ มากมาย 

แคทรีน เดสนิซกายา เกิดมาในครอบครัวของขุนนางท ี่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร บิดาของเธอเสียชีวิตลงตั้งแ ต่เธออายุไม่ถึง 3 ขวบ ในวัยเด็กหล่อนได้ใช้ชีวิตอ ยู่ในกรุงเคียฟและศึกษาเล่า เรียนในโรงเรียนที่นั่น หลังจากที่มารดาของเธอได้เส ียชีวิตลงในปี 1903 แคทรีนในเวลานั้นเพิ่งจะมีอ ายุครบ 17 ปีได้ไม่นาน หล่อนจึงได้เดินทางเข้ามาที ่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเ พื่อมาหาพี่ชายที่ชื่ออีวาน

ขณะที่เธอใช้ชีวิตอยู่ในเมื องเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กก็ไม่ ได้ฉายแววแห่งความเป็นหญิงส ูงศักดิ์ กล่าวคือหล่อนเป็นหญิงสาวที ่ไม่ได้มีทรัพย์สมบัติใดๆ เธอได้เข้าเรียนในวิทยาลัยพ ยาบาลเพื่อเตรียมตัวไปปฏิบั ติหน้าที่ในชายแดน ซึ่งขณะนั้นรัสเซียเพิ่งจะเ ริ่มต้นทำสงครามกับญี่ปุ่นไ ด้ไม่นาน
จากความตั้งใจอันแน่วแน่และ จริงจังของแคทรีนโดยไม่ฟังเ สียงห้ามปรามของพี่ชาย หล่อนเตรียมที่จะเดินทางไปป ฏิบัติหน้าที่ยังชายแดน ขณะที่กำลังจะเดินทางออกไปป ฏิบัติหน้าที่นั้นเองก็ได้ถ ูกเชิญไปงานเลี้ยงฉลองที่จั ดขึ้นโดยเอลิซาเบท คฮราปอวิซกายา โดยงานเลี้ยงค่ำคืนนั้นจัดข ึ้นเพื่อที่ให้กำลังใจกับบร รดากองกำลังรัสเซียที่กำลัง เดินทางออกไปยังสนามรบ สำหรับคาเทียแล้วคืนนั้นกลา ยเป็นค่ำคืนแห่งโชคชะตาของเ ธอ
เจ้าชายสยามทันทีที่ได้เห็น หญิงสาวผู้ที่ผิวขาวผุดผ่อง  ผมสีน้ำตาลอ่อน และนัยน์ตาสีฟ้า ซึ่งในสายตาของผู้อื่นอาจจะ มองว่ารูปลักษณ์ภายนอกของแค ทรีน เดซนิสกายานั้นเป็นเรื่องที ่ปกติ ยกเว้นก็แต่สำหรับเจ้าชายชา วสยามเท่านั้น เจ้าชายทรงเอาอกเอาใจหญิงสา วอย่างออกหน้าออกตาตามแบบชา ยชาติทหารชั้นสูง ซึ่งบรรดาเพื่อนๆ ร่วมชั้นของหล่อนต่างก็ประท ับใจต่อพฤติกรรมของเจ้าชาย

แคทรีนยังคงยืนกรานและไม่เค ยคิดเปลี่ยนใจที่จะออกไปปฏิ บัติหน้าที่ฐานะพยาบาลในสนา มรบยังดินแดนตะวันออกไกล ขณะที่เธอปฏิบัติหน้าที่ยัง ชายแดน เจ้าชายชาวสยามพยายามเขียนจ ดหมายจากเมืองเซนต์ปีเตอร์ส เบิร์กส่งถึงเธอ (พระเจ้าซาร์นิโคลัสไม่ทรงย อมให้เจ้าฟ้าชายเดินทางไปเส ี่ยงชีวิตในสนามรบ)

แคทรีนเดินทางกลับมาที่เมือ งเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในฤดูใ บไม้ร่วง ปี 1905 พร้อมกับไม้กางเขนเซนต์จอร์ ชที่เป็นสัญลักษณ์ของความกล ้าหาญ การกลับมาของเธอเป็นสิ่งที่ เจ้าฟ้าชายทรงอดทนรอเป็นอย่ างมาก และแม้ว่าเขาจะขอแคทรีนแต่ง งานซึ่งแทบจะเรียกได้ว่าขอแ ต่งงานตั้งแต่ครั้งแรกที่รู ้จักกับหล่อน หล่อนได้ตั้งเงื่อนไขต่อเจ้ าชายไว้ว่า หล่อนจะยินยอมก็ต่อเมื่อเจ้ าฟ้าจัดงานแต่งงานตามแบบศาส นาคริสต์นิกายออทอร์ดอกซ์ซึ ่งเป็นฉบับของชาวรัสเซีย และเธอจะเป็นชายาของพระองค์ แต่เพียงผู้เดียวและตลอดไป

การสมรสกันระหว่างแคทรีนและ เจ้าฟ้าจักรพงษ์จวบจนปัจจุบ ันยังไม่มีใครทราบรายละเอีย ดและไม่ถูกเปิดเผย การแต่งงานของผู้ที่มีฐานัน ดรศักดิ์ที่ต่างกันในเวลานั ้นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักและ การแต่งงานเช่นนี้ก็ถือเป็น เรื่องที่เกิดได้ยาก รวมถึงในมุมมองของทางกฎหมาย
ทั้งสองได้ทำการสมรสกันในเด ือนกุมภาพันธ์ ปี 1906 ในเมืองคอนสแตนติโนเปิล ซึ่งในเวลานั้นเป็นสถานที่ท ี่สามารถทำสมรสในลักษณะแบบน ี้ได้ หลักฐานบางฉบับ (ซึ่งยังไม่เป็นที่ยืนยันแน ่ชัดจากนักประวัติศาสตร์ที่ เชื่อถือได้) กล่าวว่า พระองค์เจ้าจักรพงษ์ได้ยอมร ับนับถือศาสนาคริสต์ ดังนั้นการสมรสระหว่างกันจึ งได้เกิดขึ้นได้

และแม้แต่ในช่วงของการดื่มน ้ำผึ้งพระจันทร์ของทั้งสองก ็ยังไม่มีใครทราบรายละเอียด และยังเป็นเรื่องที่ยังไม่ม ีการเปิดเผยจวบจนปัจจุบัน ในช่วงของการเดินทางไปเยือน อียิปต์อย่างเป็นทางการของเ จ้าฟ้าจักรพงษ์ พระองค์ทรงเดินทางไปแต่เพีย งผู้เดียว แต่หลังจากที่กลับมายังเอเช ียแล้ว ในช่วงระยะเวลาหนึ่งหม่อมแค ทรีนในเวลานั้นจำต้องอาศัยอ ยู่แต่เพียงผู้เดียวในสิงคโ ปร์ การบอกสมาชิกในครอบครัวของพ ระองค์ว่าพระองค์ทรงเสกสมรส กับสาวต่างชาตินั้นเป็นเรื่ องที่พระองค์ยังทรงกลัว และได้แต่เฝ้ารอช่วงเวลาที่ เหมาะสม

«ฉันคิดว่าฉันคงจะอยู่ในสยา มลำบาก – แคทรีนได้เขียนจดหมายถึงพี่ ชายที่อยู่ที่รัสเซีย - เชื่อว่าการอยู่ไกลจากรัสเซ ียจะต้องลำบาก แต่ก็ไม่รู้ว่าความลำบากนั้ นจะมากขนาดไหน แต่ถึงตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ แล้ว ฉันก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า ฉันได้แต่งงานกับคนที่รักฉั นและฉันก็ทำให้เขามีความสุข »

ในที่สุดแล้วเรื่องราวของพร ะชายาชาวรัสเซียของเจ้าฟ้าจ ักรพงษ์ก็ถูกเปิดเผย เรื่องราวอื้อฉาวในเมืองก็เ กิดขึ้นอย่างที่ไม่มีใครคาด คิด เจ้าชายถูกตัดออกราชบัลลังก ์ และพระบิดาและมารดาของพระอง ค์เมื่อทราบเรื่องก็ทรงกริ้ วและก็ไม่ทรงพูดด้วยเป็นระย ะเวลาหนึ่ง ซึ่งหม่อมแคทรีนก็ยังคงไม่เ ป็นที่ยอมรับจากคนในครอบครั วกษัตริย์

อันเนื่องด้วยพระราชประเพณี  และเมื่อข่าวเป็นที่ทราบกัน โดยทั่วไปแล้ว พระองค์ฯ ก็จัดให้หม่อมแคทริน เดินทางมายังกรุงเทพฯ เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย ทั้งสองพระองค์ก็พำนักในวัง ปารุสกวันสถานที่ที่หม่อมแค ทรีนได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างเด ียวดายในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งพี่ชายของหล่อนได้กล่าว ถึงเรื่องนี้ไว้ในจดหมายว่า

ครอบครัวของเจ้าชายทรงไม่เห ลียวแลแคทรีน แต่ไม่นานนัก ในปี 1908 หม่อมแคทรีนได้ประสูติโอรสเ ป็นชายพระองค์แรกและพระองค์ เดียวคือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ เด็กชายผู้นี้เป็นแก้วตาแก้ วใจของผู้เป็นปู่และย่า ในที่สุดต่อมาหม่อมแคทรีนจึ งได้รับการยอมรับว่าเป็นพระ ชายา ซึ่งในเวลานั้นหม่อมก็ได้พู ดภาษาไทยได้บ้างแล้ว

ในปีต่อๆ มาชีวิตของการเป็นเจ้าหญิงข องหม่อมแคทรีนก็ดูมีความสุข มากขึ้น หลังจากการสวรรคตของพระบาทส มเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู ่หัว (รัชกาลที่ 5) สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมารพระเชษฐาขอ งพระองค์ เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบั ติเป็นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งพระองค์ทรงยอมรับการแต่ งงานของเจ้าฟ้าจักรพงษ์และห ม่อมแคทรีนอย่างเป็นทางการ
เจ้าฟ้าจักรพงษ์ทรงดำรงตำแห น่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหมและ เป็นผู้ก่อตั้งกองกำลังทหาร รวมถึงได้ก่อตั้งกิจการการบ ินขึ้นเป็นแผนกหนึ่งของกองท ัพบก เจ้าฟ้าจักรพงษ์และหม่อมแคท รีนได้เดินทางไปร่วมการฉลอง การขึ้นของครองราชของพระเจ้ าจอร์จที่ 5 ในฐานะตัวแทนของประเทศไทย
ในช่วงการเดินทางไปเยือนยุโ รปทั้งสองพระองค์ได้เดินทาง เข้าไปที่รัสเซีย เยี่ยมเยือนกรุงเคียฟ และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และที่บ้านเกิดของหล่อน หม่อมคาเทียไม่ได้ย่างกรายเ ข้าไปในวัง พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สองไม ่ทราบถึงการแต่งงานของเจ้าฟ ้าจักรพงษ์กับหม่อมแคทรีน ดังนั้นในช่วงเวลาของการเยื อนอย่างเป็นทางการ หม่อมจึงไม่ได้ถูกเชิญให้เข ้าร่วมด้วย และจึงทำให้หม่อมแคทรีนจำต้ องอยู่ที่บ้านในเวลานั้น

ในช่วงของการเดินทางในครั้ง นั้นหม่อมแคทรีนไม่ได้พบกับ พี่ชาย เนื่องจากอีวานในเวลานั้นกล ายเป็นนักการทูตและเดินทางไ ปประจำการที่เมืองจีน ในหลายปีต่อมาหม่อมแคทรีนจึ งได้มีโอกาสเดินทางไปหาพี่ช ายยังประเทศจีน และหลังจากที่เดินทางกลับมา ก็พบว่าชีวิตที่แสนมีความสุ ขของพระองค์นั้นได้ถึงคราวส ิ้นสุดลงแล้ว

หม่อมหลังจากที่เดินทางกลับ มาก็ได้ทราบว่าพระสวามีมีคว ามสัมพันธ์กับสนมที่มีอายุ 15 ปีที่บ้าน ส่วนพระสวามีก็ไม่ได้กล่าวข อโทษใดๆ ในทางกลับกันก็ได้แจ้งว่าพร ะองค์ตัดสินใจจะมีพระชายาอง ค์ที่สอง ครอบครัวของพระองค์เจ้าจักร พงษ์ทรงกลื่นไม่เข้าคายไม่อ อกกับการรับสะใภ้ต่างชาติใน วัง แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใด หม่อมแคทรีนจึงรับไม่ได้กับ การที่จะให้สามีตนเองมีภรรย าหลายคน ซึ่งสำหรับราชวงค์สยามแล้วเ รื่องนี่ถือเป็นเรื่องที่ปก ติมาก

หม่อมแคทรีนได้ทรงแยกทางกับ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ โดยทิ้งลูกชายซึ่งพระองค์ไม ่มีสิทธิและไม่ได้รับอนุญาต ให้เอานำออกไปจากราชอาณาจัก ร หม่อมจำต้องทิ้งทุกอย่างให้ เหลือเพียงแต่ความทรงจำ เนื่องจากไม่สามารถเดินทางก ลับไปรัสเซียในช่วงที่มีการ ปฏิวัติได้ หม่อมจึงได้ออกเดินทางไปหาพ ี่ชายที่ประเทศจีน และได้ใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเ ซียงไฮในช่วงเวลาหนึ่ง และที่นั่นเองหม่อมได้ทำหน้ าที่ช่วยเหลือผู้อพยพชาวรัส เซีย และได้ทำความรู้จักกับนายแฮ รี่ ซึ่งต่อมาทั้งสองก็ได้ใช้ชี วิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา ต่อมาทั้งสองได้ย้ายไปอยู่ท ี่กรุงปารีส หม่อมแคทรีนได้ใช้ชีวิตที่ป ระเทศฝรั่งเศสจวบจนวาระสุดท ้ายของชีวิต โดยสิ้นพระชนม์ลงในวัย 72 พรรษา ส่วนเจ้าชายจักรพงษ์ได้เสีย ชิวิตไปก่อนหน้านั้นนานแล้ว  คือในปี 1920 เสด็จทิวงคตด้วยพระโรคพระปั บผาสะ (โรคปอด)

พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ใช้ช ีวิตอยู่โดยแยกจากผู้เป็นมา รดา แต่อย่างไรก็ตามตลอดช่วงที่ มีชีวิตอยู่ก็ได้เขียนจดหมา ยถึงกัน หลังจากที่พระบิดาได้สินพระ ชนม์ลงพระองค์เจ้าจุลจักรพง ษ์จึงได้ถูกส่งไปเรียนที่อั งกฤษ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระองค์ไ ด้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นจวบจน วาระสุดท้าย โดยพระองค์ทรงชื่นชอบการแข่ งรถ และก็ได้ทรงแต่งงานกับหญิงช าวอังกฤษ.......

ที่มา: http:// m.weekend.rambler.ru/read/ 2016/03/23/ katia-diesnitskaia-i-prints -siama-russkaia-zolushka-v -tailandie/ ?utm_campaign=brain&utm_med ium=rec&utm_source=rambler &utm_content=weekend

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้